ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในอาคารสูง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- กฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) ฉบับที่ 47 (พ.ศ.2540) ฉบับที่ 48 (พ.ศ.2540) และฉบับที่ 50 (พ.ศ.2540) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
คำนิยาม อาคารสูง
อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้โดยมีความสูงตั้งแต่ 23.00 เมตร ขึ้นไป การวัดความสูงของอาคารให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้าง ถึงพื้นดาดฟ้า สำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยา ให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนังของชั้นสูงสด (ฉบับที่ 48 ข้อ 2)
องค์ประกอบด้านความปลอดภัยที่ต้องมี ( ตามกฎหมาย)
(สำหรับอาคารที่ก่อสร้างหลังปี 2535)
ที่ตั้งของอาคาร
มีพื้นที่รวมกันไม่เกิน 30,000 ตารางเมตร |
ต้องมีด้านหนึ่งของที่ดินไม่น้อย กว่า 12 เมตร |
- ติดถนนสาธรณะขนาดความกว้าง > 10 เมตร ยาว ต่อเนื่องกันโดยตลอดไปเชื่อมกับถนนกว้าง > 10 |
พื้นที่รวมกันเดิน 30,000 ตารางเมตร |
ต้องมีด้านหนึ่งของที่ดินไม่น้อย กว่า 12 เมตร |
- ติดถนนสาธารณะที่มีความกว้าง > 18 เมตรยาว ต่อเนื่องกันโดยตลอดไปเชื่อมกับถนนความกว้าง 18 เมตร |
*พื้นที่ด้านที่ติดถนนสาธารณะต้องว่างเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกของรถดับเพลิงได้สะดวก *(ฉบับที่ 50 ข้อ 5)
บริเวณโดยรอบ
อาคารสูงต้องจัดให้มีถนนที่มีผิวจราจรกว้างไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร ที่ปราศจากสิ่งปกคลุม โดยรอบอาคาร เพื่อให้รถดับเพลิงเข้าออกได้สะดวก (ฉบับที่ 50 ข้อ 6)
การระบายอากาศ
· ท่อลมส่วนที่ติดตั้งผ่านผนังกันไฟหรือพื้นที่ที่ทำด้วยวัสดุทนไฟต้องติดตั้งลิ้นกันไฟอัตโนมัต ( Automatic fire damper )
ทำงานที่อุณหภูมิ 74 องศาและมีอัตราทนไฟ 1 1/2 ชม.
· ห้ามใช้ทางเดินร่วม บันใดช่องบันใด ช่องลิฟต์ ของอาคารเป็นส่วนหนึ่งของระบบท่อลมส่งหรือระบบท่อลมกลับ
ระบบปรรับอากาศ
· ต้องมีสวิทซ์พัดลมของระบบการขับเคลื่อนอากาศที่ปิด-เปิด ด้วยมือ ติดตั้งในที่เหมาะสม และสามารถปิดสวิทซ์ได้ทันที
เมื่อเกิดเพลิงไหม้
· ระบบที่มีลมหมุนเวียนตั้งแต่ 50 ลูกบาศ์กเมตร / นาที ต้องติดตั้งอุปกรณ์จับควันไฟซึ่งจะหยุดการทำงานของระบบโดย
อัตโนมัติ (ฉบับที่ 33 ข้อ 10 (1)(5))
ระบบไฟฟ้าสำรอง
· ต้องมีระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินแยกเป็นอิสระจากระบบอื่น และสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ
เมื่อระบบจ่ายไฟฟ้าปกติหยุดทำงาน
· จ่ายไฟเป็นเวลาไม่น้อยกว่ สองชั่วโมงสำหรับเครื่องหมายแสดงทางฉุกเฉินทางเดิน ห้องโถง บันได และระบบเตือนเพลิง
ไหม้
· จ่ายพลังงานไฟฟ้าตลอดเลาสำหรับลิฟต์ดับเพลิง เครื่องสูบน้ำดับเพลิงระบบสื่อสาร ห้องช่วยชีวิตฉุกเฉิน
· ระบบไฟฟ้าที่จ่ายให้ลิฟต์ดับเพลิง ต้องต่อจากวงจรจ่ายไฟซึ่งแยกเป็นอิสระจากวงจรทั่วไป และมีการป้องกันอันตรายจาก
เพลิงไหม้อย่างดีพอ (ฉบับที่ 33 ข้อ (14) )
สัญญาณเตือนเพลิงไหม้
· ต้องมีสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ทุกชั้น โดยต้องมี
-อุปกรณ์ส่งสัญญาณเพื่อให้หนีไฟที่ส่งเสียงหรือสัญญาณให้คนที่อยู่ได้ทราบอย่างทั่วถึง ( Alarm Bell )
- อุปกรณ์แจ้งเหตุทั้งระบบอัตโนมัติและระบบแจ้งเหตุที่ใช้มือง ( ฉบับที่ 33 ข้อ 16 )
แบบแปลนไฟฟ้า
· ต้องมีแผนผังวงจรไฟฟ้าของแต่ละชั้นของอาคารพร้อมรายละเอียดของการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าของระบบต่อ
ไปนี้
-ระบบไฟฟ้าแสงสว่างและกำลัง
-ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้
-ระบบไฟฟ้าฉุกเเฉิน
· ต้องมีแผนผังวงจรแสดงรายละเอียดของระบบสายดิน
· ต้องมีแผงผังวงจรการติดตั้งหม้อแปลง แผงควบคุมและจ่ายกระแสไฟและระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง (ฉบับที่ 33
ข้อ 17) ระบบป้องกันเพลิงไหม้
· ต้องมีระบบป้องกันเพลิงไหม้ ซึ่งประกอบด้วย ท่อยืน ที่เก็บน้ำสำรองและหัวรับน้ำดับเพลิง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
· ท่อยืนต้องเป็นท่อโลหะทีทนแรงดันได้ 1.2 เมกกะปาสคาล [12 bar] ทาสีแดง ติดตั้งแต่ชั้นล่างสุดไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร
และจากหัวรับน้ำดับเพลิงของอาคาร (ฉบับที่ 33 ข้อ 18 (1) )
· ทุกชั้นของอาคารต้องมีตู้หัวฉีดน้ำดับเพลิง ซึ่งมี สายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนยกลาง 1 นิ้ว และ วาล์วพร้อมหัวต่อขนาดเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง 2 1/2 นิ้ว พร้อมฝาครอบและโซ่ รอบทุกระยะห่างไม่เกิน 64 เมตร และใช้สายขนาดยาว 36 เมตร ต่อจากตู้แล้ว
ไปถึงได้ทุกพื้นที่ (ฉบับที่ 33 ข้อ 18 (2) )
· ต้องมีเก็บน้ำสำรองเฉพาะเพื่อการดับเพลิง
· ส่งแรงดันน้ำที่ชั้นสูงสุดไม่น้อยกว่า 0.45 เมกะปาสคาล (4.5 bar ) แต่ไม่เกิน 0.7 เมกะปาสคาล (7 bar ) ด้วย อัตราไหล 30 ลิตรต่อวินาที (475 แกลลอน ต่อนาที)
· ต้องมีหัวรับน้ำดับเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ฝ นิ้ว ที่รับน้ำจากรถดับเพลิงได้ และมีป้ายบอก "หัวรับน้ำดับเพลิง" (ฉบับบที่ 33 ข้อ 18 (3)(4) )
· ปริมาณน้ำสำรองต้องมีอย่างน้อย 30 นาที ที่ปริมาณการจ่าย 475 แกลลอนต่อนาที ที่ท่อยืนท่อแรก และไม่น้อยกว่า 240 แกลลอน/นาที สำหรับแต่ละท่อยืนที่เพิ่มขึ้น
· ต้องมีเครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ตามชนิดและขนาดที่เหมาะสมสำหรับดับเพลิงที่เกิดขึ้นในแต่ละชั้น โดย 1 เครื่องต่อพื้นที่อาคารไม่เกิน 1000 ตารางเมตร ทุกระยะไม่เกิน 45 เมตร (ฉบับที่ 33 ข้อ 18 (5) 9 )
· ต้องจัดให้มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น sprinkler system หรือระบบอื่นที่เทียบเท่า ที่ทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
· ต้องมีแบบแปลนท่อน้ำประปาในแต่ละชั้นโดยแสดงระบบต่อไปนี้
-ระบบสุขภัณฑ์
-ระบบท่อดับเพลิง และที่เก็บน้ำสำรอง
-ระบบท่อระบายน้ำฝน ท่อน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสีย
-ระบบการเก็บและจ่ายน้ำจากที่เก็บน้ำสำรอง ( ฉบับที่ 33 ข้อ 20,21 )
บันไดหนีไไฟ
· ต้องมีบันไดหนีไฟจากชั้นสูงสุดสู่พื้นดินอย่างน้อย 2 บันได แต่ละบันไดอยู่ห่างกันไม่เกิน 60 เมตร และสามารถลำเลียงบุคคลออกได้ภายใน 1 ชั่วโมง
· ทำด้วยวัสดุทนไฟและไม่ผุกร่อน ห้ามเป็นแบบบันไดเวียน
· หากบันไดหนีไฟอยู่นอกอาคารต้องมีผนังกันไฟกั้นระหว่างอาคารและบันไดหนีไฟ (ฉบับที่ 33 ข้อ 22,23,24)
· หากอยู่ในอาคารต้องมีช่องระบายอากาศที่มีพื้นที่รวมกันไม่น้อยกว่า 1.4 ตารางเมตร ต่อชั้น หรือมีระบบลมอัด (Pressurized fan) ที่มีความดันลมไม่น้อยกว่า 3.86 Pa ที่ทำงานอัตโนมัติ และออกสู่ภายนอกได้สะดวก
· หากอยู่ภายในอาคาร ต้องมีผนังกันไฟโดยรอบ และมีแสงสว่างจากระบบไฟฉุกเฉิน มีป้ายบอกชั้น และป้ายบอกทางหนีไฟทั้งภายในและภายนอก โดยตัวอักษรมีขนาดไม่เล็กกว่า 10 ซม (ฉบับที่ 50 ข้อ (12) ,ฉบับที่ 33 ข้อ 26 )
· ประตูหนีไฟต้องเป็นวัสดุทนไฟ แบบผลักออกสู่ภายนอก พร้อมอุปกรณ์บังคับประตูปิดเอง (Re-closer) มีความกว้างไม่น้อยกว่า 90 ซม สูงไม่น้อยกว่า 1.90 เมตร
· ต้องจัดให้มีทางสำหรับบุคคลภายนอกเข้าดับเพลิงในทุกชั้น อาจเป็นช่องบันไดหรือลิฟต์ดับเพลิงก็ได้ และมีที่ว่างอย่างน้อย 6 ตารางเมตร ซึ่งปลอดควันและเปลงวไฟ และเป็นที่ตั้งของฉีดน้ำดับเพลิงประจำช้น (ฉบับที่ 33 ข้อ 27,28)
ดาดฟ้า
· ต้องมีดาดฟ้าและที่ว่างโล่งบนดาดฟ้ายาวและกว้างด้านละไม่น้อยกว่า 10 เมตร เพื่อใช้หนีไฟทางอากาศ และต้องให้มีทางหนีไฟบนชั้นดาดฟ้าสุ่บันไดหนีไฟได้
ระบบบำบัดน้ำเสีย
· ต้องมีระบบำบัดน้ำเสียก่อนทิ้งออกสู่แหล่งรองน้ำทิ้ง ดดยต้องได้รับควบคุมให้เป็นไปตามคุณภาพน้ำทิ้งของ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และต้องไม่เกิดให้เกิดเสียง กลิ่น ฟอง กาก หรือสิ่งอื่นใดที่อาจเกิดภัยอันตราย หรือเดือดร้อน รำคาญ แก่ผู้อาศัยใกล้เคียง (ฉบับที่ 50 ข้อ 13 ฉบับที่ 33 ข้อ 30 -35)
ระบบกำจัดขยะมูลฝอย
· ต้องมีพักรวมของขยะฝอยที่มีความจุไม่น้อยกว่า 3 เท่า ของปริมาตรที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยผนังทำจากวัสดุทนไฟ
· หากขนย้ายขยะโดยปล่องทิ้งมูลฝอย ปล่องต้องทำด้วยวัสดุทนไฟและมีประตูหรือช่องทิ้งมูลฝอยทำด้วยวัสดุทนไฟและปิดได้สนิท ฉบับที่ 33 ข้อ 40,42)
ระบบลิฟต์
· ต้องมีลิฟต์ โดยสารและลิฟต์ดับเพลิงทีทมีขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 630 กิโลกรัม
· ในปล่องลิฟต์ห้ามติดตั้งท่อสายไฟฟ้า ท่อส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ
· ลิฟต์ต้องมีระบบและอุปกรณ์การทำงานที่ปลอดภัย
· ต้องมีการทำงานที่จะให้ลิฟต์เลื่อนมาหยุดที่ชั้นพื้นดิน และประตูต้องเปิดออก เมื่อไฟฟ้าดับ (ฉบับที่ 33 ข้อ 43,45,46)
ลิฟต์ดับเพลิง
· ต้องมีลิฟต์ดับเพลิงอย่างน้อย 1 ชุด ซึ่ง
- จอดได้ทุกชั้นและมีระบควบคุมพิเศษเพื่อใช้ขณะเกิดเพลิงไหม้
- บริเวณหน้าโถงลิฟต์ต้องมีตู้สายฉีดน้ำดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิงอื่นๆ
- หน้าโถงลิฟต์ดับเพลิงทุกชั้นต้องมีผนังหรือประตูทนไฟที่กันเปลวไฟและควันไฟได้ และมีหน้าต่างเปิดออกสู่ภายนอกได้
โดยตรง หรือมีระบบลมอัดที่มีแรงดันลม 3.86 ปาสคาลที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเพลิงไหม้
· เคลื่อนที่ด้วยความเร็วจากชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุดใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที (ฉบับที่ 33 ข้อ 44 ฉบับที่ 50 ข้อ 14)
อาคารขนาดเล็ก
· ต้องมีเครื่องดับเพลิงมือถือ ชั้นละ 1 เครื่อง ต่อพื้นที่ไม่เกิน 1000 ตารางเมตร
· สำหรับอาคารที่มีพื้นที่ทุกชั้นในหลังเดียวกันรวมเกิน 2000 ตารางเมตร ต้องมีระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ทีมีทั้งระบบแจ้งเหตุอัตโนมัติ และรบบแจ้งเหตุด้วยมือ และมีระบบสัญญาณเตือนให้คนที่อยู่ในอาคารได้ยินเพื่อหนีไฟ
· ในอาคารที่มีพื้นที่มากกว่า 2000 ตาราเมตร ต้องมีป้ายบอกชั้น ป้ายบอกทางหนีไฟหรือสัญญลักษณ์ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 10 ซ.ม. และต้องมีไฟส่องสว่างจากระบบไฟฟ้าฉุกเฉินด้วย (ฉบับที่ 39 ข้อ 5,6)
อาคารที่ก่อสร้างก่อนพระราชบัญญติ พ.ศ.2522
· อาคารที่มีสภาพหรือการใช้งานอาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสังให้เจ้าของหรือผุ้ครอบครองแก้ไขให้เป็นไปตามกฎกระทรวงในเรื่องดังต่อไปนี้
· อาคารที่มีความสูงสี่ชั้นขึ้นไปให้ต้องติดตั้งบันไดหนีไฟเพิ่มจากบันไดหลัก
· ติดตั้งแบบแปลนของอาคารแต่ละชั้นในตำแหน่งที่ชัดเจนที่หน้าห้องโถงหรือหน้าลิฟต์ทุกชั้น (ฉบับที่ 47 ชั้น 3,4,5)
· ติดตั้งถังดับเพลิงในแต่ละชั้น
· ติดตั้งไฟส่องสว่างสำรอง ป้ายบอกชั้น และป้ายบอกทางหนีไฟที่ด้านในและนอกประตูหนีไฟ
· ติดตั้งระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ประกอบด้วย เสาล่อฟ้า สายล่อฟ้า สายตัวนำ สายนำลงดิน และหลักสายดิน
· หากพนักงานเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอาจสั่งห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารใช้อาคารทั้งหมดหรือบางส่วนได้ (ฉบับที่ 47 ข้อ 5 (3,4,5,6,7) )
กระจกของอาคารสูง
· กระจกที่ใช้ทำผนักภายนอกอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ที่มี 2 ชั้นขึ้นไปต้องเป็ฯกระจกตั้งแต่ 2 ชั้นขั้นไป ประกอบกันโดยมีวัสดุคั่นกลาง (Safety glass) มีคุณสมบัติในการป้องกันหรือลดอันตรายจากการบาดของเศษกระจกแตก และวัสดุสคั่นกลางต้องยึดเสษหรือชิ้นกระจกไม่ให้หลุดออกเมื่อกระจกแตกร้าวหรือราน (ฉบับที่ 48 ข้อ 28)
สำหรับอาคารที่สร้างหลังปี 40
· อาคารสูงต้องมีผนังหรือประตูที่ทนไฟป้องกันบริเวณบันไดที่มิใช่บันไดหนีไฟ โดยประตูและผนังกันไฟต้องมีอัตราทนไฟอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
· อาคารสูงที่มีโถงภายในอาคารเป็นช่องเปิดทะลุพื้นของอาคารตั้งแต่สองชั้นขึ้นไปและไม่มีผนังปิดล้อม (Atrium) ต้องให้มีระบบควบคุมการแพร่กระจายของควันที่ทำงานอัตโนมัติ เพื่อระบายควันออกจากอาคารได้อย่างรวดเร็ว (ฉบับที่ 50 ข้อ 8,11)
ปัญหาที่มักจะพบของการบริหารอาคารชุดด้านความปลอดภัย
· ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการจัดวางของในห้องเครื่องห้องไฟฟ้า ห้องทำงาน และห้องที่ห่างไกลจากผู้คน
· อุปกรณ์ความปลอดภัยไม่พร้อมใช้งาน
- อุปกรณ์เตือนเพลิงไหม้อัตโนมัติไม่ทำงาน
- เครื่องดับเพลิงหมดแรงดัน/ไม่มีน้ำยา
- ประตูหนีไฟเปิดค้าง / ปิดไม่ได้ / มีของวางบัง แต่ทางออกจากอาคารปิดล็อค
· ไม่มีตารางตรวจและบำรุงรักษาอุปกรณ์
- โดยช่างหรือพนักงานผู้รับผิดชอบ
- โดยผู้บริหารอาคาร
- โดยเจ้าหน้าที่ราชการ / ผู้รับอนุญาต
· ไม่มีแผนปฎิบัติในกรณีฉุกเฉิน
· ขาดการซ้อมตามแผนฉุกเฉิน
· ระบบรักษาความปลอดภัยไม่ครอบคลุมพื้นที่ หรือขาดการควบคุมการปฎิบัติงานที่ดี
· ขาดความรู้ และทักษะในการดำเนินการและจัดการปฎิบัติงานด้วยความปลอดภัย
- มีการเจาะรูระหว่างบริเวณกันไฟ
- ช่อง Shaft ไฟฟ้ามิได้ป้องกันด้วยวัสดุกันไฟลาม
- มีการเก็บของเหลวไวไฟในบริเวณอันตราย
- พนักงานไม่มีความสามารถในการตอบสนองต่อกรณีฉุกเฉินเช่น ใน กรณี LPG รั่วไหล